วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แก่เงียบ ๆ จากโรคติดน้ำตาล

แก่เงียบ ๆ จากโรคติดน้ำตาล


จากคอลัมน์ หนุ่มสาวอีกครั้งของ นพ. กฤษดา สิรามพุช ในหนังสือพลอยแกมเพชร ฉบับวันที่ 15 มีค.2551



คุณเคยมีอาการอยากกินของหวานอยู่บ่อยๆ หรือรู้สึก โหยอยากได้เครื่องดื่มหวานๆ ชื่นใจสักขวด
ไหมครับ
อาการเหล่านี้ไม่ใช่อาการของการ หิวตามปรกติธรรมดาของร่างกาย หากแต่เป็นอาการหนึ่งของการ
ติดคาร์โบไฮเดรต โดยเฉพาะ น้ำตาลกลูโคส
อันว่าอาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตนี้มีกลไกที่ทำให้เราติดได้ 2 ประการคือ
1. เพิ่มสารสื่อประสาทใสมอง ทำให้รู้สึกหายเครียด เคลิบเคลิ้ม เป็นสุข นี่คือสาเหตุว่าทำไมเมื่อเครียด
เราจึงอยากกินและกิน กิน กิน เพื่อให้หายเครียด
2. เมื่อมีน้ำตาลจำนวนมากเข้าสู่กระแสเลือด จะไปกระตุ้นฮอร์โมนอินซูลินให้พุ่งกระฉูดขึ้น ซึ่ง
อินซูลินนี้ทำหน้าที่ลดระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อสูงเกินไป ก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงมา
มากจนรู้สึก โหยอยากได้น้ำตาลอีก กลายเป็นว่ายิ่งกินหวานก็ยิ่งอยากหวานมากขึ้น
กลไกทั้งสองนี้เองที่ทำให้เรา ติดโดยไม่รู้ตัว ถ้าขาดเมื่อไรจะมีอาการหงุดหงิด โดยไม่รู้สาเหตุ รู้สึก
หดหู่ อารมณ์ไม่ปรกติขึ้นมา หรือพูดง่ายๆ คือจากสุขมากในตอนแรกที่ได้กินของหวานกลายมาเป็นทุกข์
ถนัดหลังจากหมดฤทธิ์ของหวานแล้ว
น้ำตาลทำให้ซึมเศร้าถึงขั้นฆ่าตัวตายได้
ที่บอกกันมานานแล้วว่ากินหวานแล้วอารณ์ดีนั้น อันที่จริงก็ถูกอยู่ครับ อย่างขนมตุรกีที่ชื่อ เตอร์
กิช ดีไลท์ (Turkish delight) นั่นปะไร กินแล้วทั้งเหนียวกรามค้าง และหวานแสบไส้ แต่เขาก็ยังว่า
ของเขา ดีไลท์
ซึ่งฤทธิ์แห่งความสุขของน้ำตาลนี้มีอยู่ในช่วงแรกเท่านั้นครับ ด้วยพลังแห่งการไปเพิ่มสารสื่อ
ประสาทซีโรโทนิน ทำให้รู้สึกอารมณ์ดีเคลิบเคลิ้มด้วย
แต่หลังจากนั้น เมื่อยังคงยัดเยียดความหวานให้แก่ร่างกายอยู่อย่างต่อเนื่อง มันจะทำให้ระดับซีโร
โทนินสูงขึ้นมาก เกิดอาการง่วงเหงาหาวนอน เฉื่อย และท้ายสุดคือซึมเศร้าแทน
เป็นอันว่าตอนนี้เปลี่ยนจาก เตอร์กิชดีไลท์เป็น เตอร์กิชดีเพรสเรียบร้อยแล้ว เมื่อดีเพรส
หรือซึมเศร้าจนได้ที่แล้ว ก็ยังไม่หมดบาปเคราะห์จากน้ำตาลครับ
ด้วยว่าระดับน้ำตาลที่สูง ทำให้ฮอร์โมนอินซูลินที่ช่วยจัดเก็บน้ำตาลนั้นหลั่งออกมามาก แล้วเลย
พาลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนจากที่สูงปรี๊ดกลับดิ่งเหวลงมาต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ทำให้เกิด
น้ำตาลต่ำ (Hypoglycemic Symptoms)” ประu3585 .อบด้วยอาการเหนื่อย หมดเรี่ยวแรง ไม่สดชื่น
2
และเมื่อประกอบกับภาวะที่สารสื่อประสาททำให้ซึมเศร้า แล้วผลลัพธ์ก็คือทำให้หดหู่ใจเหลือ
ประมาณ ในบางคนถ้าเป็นโรคจิตเวช เช่นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวลอยู่ ก็ต้องระวังผลข้อนี้ให้ดี
เพราะอาจทำให้มากถึงขั้นไม่อยากอยู่ในโลกได้
แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านก็จะทำให้รู้สึก จิตตกแล้วก็พานอยากกินของหวานเพิ่ม
เพื่อยกระดับอารมณ์ขึ้นมาให้ดีดังเดิมอีก แต่ในที่สุดร่างกายก็กลับมาหดหู่อีก ก็จำต้องเพิ่มปริมาณการกิน
ให้มากขึ้นและกินบ่อยขึ้นทุกทีเหมือนกับยาเสพติด
ถึงตอนนี้คุณก็เป็น โรคติดน้ำตาลโดยไม่รู้ตัวละครับ
น้ำตาลทำให้แก่เร็วทันใจ
เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้เองได้มีนักวิจัยชาวเยอรมันทดสอบหาปัจจัยที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตอายุ
ยืนขึ้นกว่าอายุขัยเฉลี่ยทั่วไป โดยได้ทำการทดลองต่างๆ นานาในหนอนตัวกลมชนิดหนึ่งพบว่า สิ่งที่ทำให้หนอน
มีอายุยืนที่สุด คือการจำกัดน้ำตาลครับ พบว่าทำให้อายุยืนขึ้นถึง 25 % ของอายุขัยเฉลี่ย
ซึ่งเมื่อเปรียบอายุขัยแบบหนอนๆ กับอายุขัยของคนแล้ว พบว่าทำให้มนุษย์อายุยืนขึ้นถึง 15 ปีเชียว
ครับ ไมน้อยเลยนะครับ 15 ปีนี่ เพราะปัจจุบันอายุปีขัยเฉลี่ยของคนไทยก็อยู่ที่ราว 70-75 ปีอยู่แล้ว ได้เพิ่มมาอีก
15 ปีก็เกือบร้อยเชียวนะครับ
ยิ่งถ้าเป็นคนญี่ปุ่น แถวโอกินาว่า ยิ่งดีใหญ่ เพราะอายุขัยเฉลี่ยปาเข้าไปตั้ง 80 กว่าปี ได้เพิ่มเข้าไป
อีก ก็เป็นร้อยกว่าปี แถมเป็นร้อยกว่าปีที่มีสุขภาพดีเสียด้วย
ตอนนี้เราก้ได้ทราบกั้นแล้วว่าโรคติดน้ำตาลนั้นไม่ได้ทำให้คุณซึมเศร้าแต่เพียวอย่างเดียว หากแต่ทำ
ให้ แก่เร็วขึ้นด้วย
กลไกของน้ำตาลที่ไปทำให้แก่รวดแก่เร็วทันใจนั้นก็คือ กลไกที่มันไปเพิ่มระดับอินซูลินในเลือด ซึ่ง
เป็นที่รู้กันในทางเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ว่า อินซูลินนี้เมื่อไปอยู่ที่อวัยวะใด ก็ไปทำให้อวัยวะนั้นๆ เสื่อมลงเร็ว
ดังนั้นเมื่อคุณเป็นโรคติดหวานต้องกินน้ำตาลกินแป้งอยู่เรื่อยๆ เสียแล้ว ก็ทำให้ระดับอินซูลินใน
เลือดไม่เคยลดลง เปรียบได้กับทำให้ร่างกายแช่อิ่มอยู่ในอินซูลินตลอดเวลา อวัยวะต่าง ก็เสื่อมการทำงานลง แล้ว
ที่สุดมันจะไปเหลืออะไรล่ะครับ นอกจาก ความแก่กับ ความประหลาดใจว่าเราแก่เร็วกว่าวัยได้อย่างไร
เลิอก หวานให้ถูก ช่วยแก้ปัญหาได้
โรคติดน้ำตาลนั้นฟังๆ ดูก็เหมือนจะน่ากลัวอยู่ใช่น้อย แต่ที่จริงแล้วน้ำตาลนั้นมีประโยชน์มหาศาล
ต่อร่างกายเรา เอาเป็นว่าพลังงานส่วนใหญ่ที่ร่างกายของเราสร้างให้ใช้ดำรงชีวิตอยู่ได้นั้นก็มาจากการสลายน้ำตาล
กลูโคสนี่แหละครับ
แต่ทีนี้มันมากเกินไป นอกจากจะให้เป็นพลังงานแล้วยังปล่อยของเสียออกมาเป็น อนุมูลอิสระ
(free radical)” ด้วย ดังนั้นเพื่อให้ได้มีสุขภาพดีถึง 120 ปี จึงต้อง
1. เลือกชนิดของน้ำตาลให้ถูก
2. จำกัดปริมาณให้อยู่ในระดับที่ เหมาะสม
3
โดยอานิสงส์จากการปฏิบัติทั้งสองข้อนี้ จะทำให้เราห่างจากโรคน้ำตาลและพื้นอารมณ์ไม่สวิงสวาย
มากจนเกินไปด้วยครับ มาเริ่มกันที่การเลือกอาหารหวานสำหรับรับประทานให้ถูกชนิด โดยผมได้เลือกชนิดของ
อาหารที่เหมาะกับบ้านเรามาให้คุณลองเลือกรับประทานดูเมื่อเกิดอาการกระหายน้ำตาลขึ้นมาดังนี้ครับ
1. เมี่ยงคำ ซึ่งมีทั้งใบชะพลู หรือใบทองหลาง ซึ่งมีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และ
วิตามินเอในใบพืชเหล่านี้ถูกดูดซึมได้ดีเมื่อเรารับประทานกับมะพร้าวคั่ว (ดังนั้นอย่าแอบกินแต่กุ้งแห้งอย่างเดียว
นะครับ)
2. ถั่วลิสง ถั่วเหลือง อัลมอนด์ และธัญพืชต่างๆ (ที่ไม่ได้ปรุงรสด้วยน้ำตาล)
3. กล้วยหอมสุก 1-2 ลูก ด้วยว่ากล้วยหอมนี้มีแป้งน้ำตาลที่ไม่ได้ถูกดูดซึมเร็วนัก ทำให้ระดับ
อินซูลินในเลือดของคุณไม่ขึ้นพรวดพราด นอกจากนั้น ยังมีสารทริปโตแฟน (Tryptophan) ที่ช่วยทำให้คุณ
รู้สึกสบายใจอีกด้วย
4. แครอทหรือเซเลอรี่ หั่นเป็นแท่งจิ้มกับโยเกิร์ตไขมันต่ำ
5. แอปเปิ้ล ซึ่งเป็นเส้นใยแบบละลายน้ำได้ (Soluble fiber) อยู่มาก โดยเส้นใยชนิดนี้มีลักษณะ
เหมือนกับฟองน้ำที่สามารถดูดซับน้ำตาลที่สูงเกินไปและช่วยลดระดับอินซูลินในกระแสเลือดได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
เลือกน้ำตาลผิด มีพิษถึงตาย
ทุกวันนี้คนไทยเราบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยปีละ 30 กิโลกรัม ซึ่งนับว่ามากโขอยู่ บางคนอาจปฏิเสธว่าคง
กินไม่ถึงปานนั้น แต่อาหารประจำวันที่เรารับประทานมีน้ำตาลอยู่มากจนเราคิดไม่ถึงทีเดียว
เช่น น้ำผลไม้ซึ่งแม้จะยืนยันนั่งยันว่าหวานจากธรรมชาติจริง แต่นั่นก็คือน้ำตาลประเภทหนึ่งที่กระตุ้น
อินซูลินเช่นกัน บางท่านลดน้ำหนักเท่าใดแต่ยังไม่ลงก็ลองเลิกดื่มน้ำผลไม้แล้วกินแต่น้ำเปล่าดูสักเดือน จะเห็น
น้ำหนักลดลงอย่างชัดเจน หรือน้ำอัดลม ชา แกแฟ โอวัลตินที่ดื่มอยู่ทุกวันก็ล้วนแล้วแต่ปรุงด้วยน้ำตาลทั้งสิ้น ถึง
ตอนนี้บางท่านอาจสงสัยว่าแล้วน้ำตาลเทียมใช้ได้หรือไม่ ก็ขอบอกว่าใช้ได้ครับ
แต่มีข้อที่ต้องระวังให้จงหนักคือน้ำตาลเทียมนั้นอย่าให้โดนความร้อนเด็ดขาด เพราะจะเปลี่ยนไปเป็น
สารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะท่านที่ใช้น้ำตาลเทียมชงกาแฟในน้ำร้อยหรือปรุงรสในอาหารร้อน นับเป็นการเสี่ยงอย่าง
มากเทียวครับ
ดูน้ำตาลแล้วย้อนดูตัว
จะว่าไป โรคติดน้ำตาลนี้ก็ให้สัจธรรมแก่เราได้อย่างดีเชียวครับ ด้วยว่าเมื่อกินเข้าไปแรกๆ ก็ทำ
ให้กระชุ่มกระชวย ชื่นหัวอกหัวใจหายเหนื่อย แต่พอได้รับมากเกินไป ต่อมาก็ทำให้เกิดภาวะหดหู่ซึมเศร้าได้
อารมณ์จากที่เคยขึ้นสูงกลับดิ่งเหวลงต่ำ เรียกว่า ถ้าตามใจปาก กินหวานๆมาก ก็จะสุขแค่ชั่วยาม แล้วก็มาทุกข์ใน
ภายหลัง
เหมือนกับชีวิตของเราที่เมื่อตะเกียกตะกายไขว่คว้าขึ้นไปจนสูงสุดเหนือมนุษย์คนใดๆ แล้วถ้าถึงเวลา
ที่ต้องตกลงมามันจะเจ็บหนักกว่าคนธรรมดา หรือความประมาทใน สังขารก็เช่นกัน หากมัวแต่พานคิดว่าการ
ที่ ยังไม่มีโรคคือมี สุขภาพดีแล้วก็ใช้ชีวิตอย่างหมดเปลือง หาความสุขให้แก่ตัว อย่างเต็มที่นั้น เรียกว่าให้