วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สูตรผสมผสาน "ล้างพิษตับ" เยอรมัน ไต้หวัน และไทย ให้มีประสิทธิภาพ (ตอนที่ 2) : ทางเลือกในการล้างลำไส้

       ณ บ้านพระอาทิตย์
       โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
      
       ลำพังเฉพาะการอดอาหารก็ถือได้ว่าเป็นกระบวนการล้างพิษและล้างลำไส้ไปแล้วในขั้นตอนหนึ่ง แต่สำหรับที่เยอรมันแล้วไม่ได้มียาถ่ายหรือการใช้สมุนไพร หรือแม้กระทั่งการใช้เอนไซม์จากไต้หวันเหมือนเมืองไทย ดังนั้นการในสูตรเยอรมันจึงต้องเน้นการใช้ดีเกลือเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายสำคัญคือเพื่อให้แน่ใจว่าลำไส้สะอาดจริงก่อนที่จะมีการดื่มน้ำมันมะกอกเพื่อล่อน้ำดี นิ่ว และสารพิษที่ละลายในไขมันให้ออกมากับน้ำดี อันจะเป็นการป้องกันไม่ให้พิษที่ออกมาจากตับนั้นตกค้างอยู่ตามผนังลำไส้และทำให้ลำไส้ดูดกลับสารพิษเหล่านั้นเข้าสู่เส้นเลือดดำ ดังจะเห็นได้จากสูตรของ อันเดรียส์ มอริสต์ ชาวเยอรมัน จึงได้ระบุว่าหากยังไม่ได้มีการขับถ่ายให้ทำการสวนล้างในเวลา 21.30 น.ก่อนดื่มน้ำมันมะกอก ดังนั้นจึงทำให้เราเข้าใจได้ว่า การดื่มดีเกลือของสูตรเยอรมันนั้นมีเป้าหมายเป็นยาถ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าลำไส้สะอาดแล้วเท่านั้น
ภาพที่ 1 ซ้ายมือ: อันเดรียส์ มอริสต์ ชาวเยอรมันผู้ทรงอิทธิพลด้านการล้างพิษตับและถุงน้ำดีโดยใช้น้ำมันมะกอก, ขวามือ : ดีเกลือสำหรับล้างลำไส้
       เพราะการที่ต้องทำให้ลำไส้สะอาดนั้นย่อมเท่ากับเป็นการเปิดทางที่ทำให้สารพิษและไขมันที่ออกมาจากตับและถุงน้ำดีหลังดื่มน้ำมันมะกอกนั้นสามารถถูกขับออกจากร่างกายให้มากที่สุด และให้มากกว่าที่มีการดูดกลับตามผนังลำไส้ ดังนั้นถ้าลำไส้สกปรกก็จะทำให้สารพิษและไขมันที่ออกมาจากตับและถุงน้ำดีถูกผนังลำไส้ดูดกลับทำให้เกิดอาการข้างเคียง ไม่สบายตัว และอาจเกิดการปะทุพิษขึ้นได้ด้วย
      
        แต่ดีเกลือแม้จะมีคุณสมบัติเป็นที่เป็นยาถ่ายและสามารถนำมาใช้ล้างสารพิษได้ดี แต่อาจไม่เหมาะสำหรับบางคน ที่มีอาการแพ้ดีเกลือแมกนีเซียมซัลเฟต
 ได้แก่ หัวใจเต้นช้า, หน้าแดง, ปวดศีรษะ, คลื่นไส้, อาเจียน, ไม่มีแรง, หายใจสั้น เหงื่อออก, ความดันเลือดต่ำ, อาการไม่รู้สึก (stupor), กดการตอบสนอง (depressed reflexes), อุณหภูมิต่ำ นอกจากนี้ดีเกลือที่เป็น แมกนีเซียมซัลเฟต อาจไม่เหมาะกับ ผู้ป่วยที่เกิด ภาวะการฉีดโลหิตของห้องหัวใจล่างและบนไม่ประสานกัน หรือมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย และผู้ป่วยที่มีภาวะไตบกพร่องอย่างรุนแรง
      
        ในทำนองเดียวกันดีเกลือของไทยไม่ได้ใช้ แมกนีเซียมซัลเฟต แต่ใช้โซเดียมซัลเฟต ซึ่งส่งผลทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้น แม้จะมีคุณสมบัติในการล้างพิษได้แต่ก็อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง โรคไต และโรคหัวใจ เช่นกัน

ภาพที่ 2 เอนไซม์ผงสำหรับล้างลำไส้ที่ไต้หวัน
       แม้ว่าดีเกลือ แมกนีเซียมซัลเฟต จะไม่ได้ใช้ปริมาณมากในหลักสูตรล้างพิษตับ แต่ที่ไต้หวันก็ได้เห็นความเสี่ยงที่มีโอกาสที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นที่ไต้หวันจึงไม่ได้มีการใช้ดีเกลือที่เป็นแมกนีเซียมซัลเฟตเลย และเลือกใช้เอนไซม์ในการย่อยสลายกากอาหารและสิ่งตกค้างในลำไส้จนสะอาดแทน ซึ่งก็ได้รับผลดีโดยไม่ต้องมีการใช้ดีเกลือแต่ประการใด
      
        เอนไซม์ผงจากไต้หวันนั้นทำจากผลไม้และพืชหลายชนิดโดยใช้ระบบแช่เย็นและดูดความชื้นออกเพื่อรักษาเอนไซม์เป้าหมายโดยเฉพาะ เช่น เอนไซม์จากมะละกอ ที่ช่วยย่อยโปรตีน และเอนไซม์พืชอื่นๆที่ช่วยย่อยกากอาหารที่ไม่มีชีวิตแล้ว เมื่อย่อยสลายออกแล้วก็มีฤทธิ์เป็นยาถ่ายด้วย

      
        อย่างไรก็ตามนับเป็นความฉลาดหลักแหลมอย่างยิ่งที่ชาวศีรษะอโศกได้เป็นผู้นำผงซิลเลียม (Psyllium Husk) ซึ่งเป็นธัญพืชที่มีคุณสมบัติเมื่อโดนน้ำแล้วจะพองตัวเป็นเจล มาผสมกับสมุนไพรไทยในการพองตัวดูดสารพิษและเป็นยาถ่ายไปในตัว โดยใช้ในชื่อที่เรียกกันในวงการว่า "ลิดท็อกซ์ (Lidtox)" ซึ่งมีองค์ประกอบไปด้วย ผงซิลเลียม (Psyllium Husk) 50%, เปลือกมะนาว (Lemon Peel) 10%, ผงขี้เหล็ก 10%, ผงขมิ้น 10%, ผงมะรุม 10% ด้วยคุณสมบัติของลิดท็อกซ์ที่พองตัวในลำไส้ในระหว่างการอดอาหาร จึงเท่ากับเป็นการกวาดกากของเสียในลำไส้ออกได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังทำให้ไม่เกิดอาการหิวในระหว่างการอดอาหารเพราะการพองของซิลเลียมอีกด้วย
ภาพที่ 3 ลิดท็อกซ์สำหรับล้างลำไส้
       แต่ก็ใช่ว่า ลิดท็อกซ์จะเหมาะกับทุกคน เพราะบางคนอาจรู้สึกไม่ชอบรสชาติของลิดท็อกซ์และรู้สึกรับประทานยากก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคนที่มีภาวะธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำ หรือธัยรอยด์ฮอรโมนต่ำแฝง (มีอุณหภูมิตอนเช้าเฉลี่ยต่ำกว่า 36.4 องศาเซลเซียส) ซึ่งมีการอัตราการเผาผลาญพลังงานต่ำ คนเหล่านี้มีการเคลื่อนตัวและของลำไส้ช้ากว่าคนปกติเพราะมีพลังงานน้อย หากดื่มลิดท็อกซ์เข้าไปแล้วเกิดการพองตัวขึ้น ก็มีโอกาสที่ลิดท็อกซ์อาจติดค้างอยู่ในลำไส้นานกว่าคนปกติ
      
        ซึ่งจะเป็นผลเสียของลิดท็อกซ์ในผู้ที่มีภาวะธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำ มีสองประการ ประการที่หนึ่งคือ สิ่งสกปรกที่ได้จากการกวาดของลิดท็อกซ์อาจอยู่นานกว่าคนปกติจนทำให้ลำไส้ดูดกลับสารพิษได้ง่าย
 โดยเฉพาะคนที่มีภาวะลำไส้รั่วร่วมด้วยก็ยิ่งทำให้สิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในลำไส้ได้ง่ายขึ้น ผลก็คือภูมิต้านทานจะเข้าโจมตีทันทีทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น การปวดหัว ลมพิษ ผื่นแพ้ น้ำเหลืองปะทุ หอบหืด ฯลฯ ประการที่สอง คือ เมื่อล้างพิษตับตามกำหนดเวลาแต่ปรากฏว่า "ขบวนลิดท็อกซ์" ที่พองและกวาดล้างลำไส้อยู่นั้นยังไม่ออกจากลำไส้ ทำให้พิษที่ออกมาจากตับซึ่งอยู่ในรูปของเหลวที่เคลื่อนตัวเร็วกว่าติดอยู่ตามขบวนลิดท็อกซ์ที่ยังไม่ออกจากลำไส้เหล่านั้น ส่งผลทำให้ลำไส้ดูดกลับสารพิษและไขมันที่ขับออกมาจากตับเข้าเส้นเลือดดำ ทำให้ไม่สบายตัว จะเป็นลม ปวดหัว ผื่นขึ้น ลมพิษ น้ำเหลืองปะทุ หอบหืดได้ คนเหล่านี้จะสังเกตได้ประการหนึ่งคือ หลังการดื่มลิดท็อกซ์แล้วไม่มีอะไรขับถ่ายออกมาหรือขับถ่ายออกมาได้น้อย ครั้นเมื่อดื่มน้ำมันมะกอกแล้วก็ไม่มีอะไรขับถ่ายออกมาเช่นกันตามเวลาเหมือนกับคนอื่นเช่นกัน
      
        ดังนั้นการจัดหลักสูตรล้างพิษอาจจะต้องจัดการให้ผู้ที่มีภาวะธัยรอดย์ฮอร์โมนต่ำดื่มลิดท็อกซ์ล่วงหน้าก่อนวันที่จะดื่มน้ำมันมะกอก 1 วัน หรือไม่ก็ต้องคอยสังเกตให้แน่ใจว่ามีการขับถ่ายออกมาของขบวนลิดท็อกซ์ก่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะดื่มน้ำมันมะกอก และอาจต้องใช้การกดจุดคลายเส้นบริเวณท้องเพื่อช่วยการเคลื่อนตัวของลำไส้ให้ดีขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหานี้ด้วย
      
        แต่หลักสูตรล้างพิษที่โรงเรียนผู้นำ จ.กาญจนบุรี จึงยังคงใช้ดีเกลือเป็นยาถ่าย และยาชำระเมือกมันร่วมด้วย เพื่อขับการพองตัวของลิดท็อกซ์ให้ออกจากลำไส้ใหญ่ได้สะดวกขึ้น โดยยาชำระเมือกมันนั้นเป็นยาเพิ่มพลังงานในการขับมูกเมือก (Mucus) ซึ่งดักจับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ ดังนั้นยาชำระเมือกมันที่เป็นยาเพิ่มพลังงานที่มีส่วนผสมสมุนไพรฤทธิ์ร้อน จึงช่วยการเคลื่อนตัวของลำไส้ให้สามารถขับลิดท็อกซ์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำ และธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำแฝง และสำหรับผู้ที่แพ้ดีเกลือหรือไม่ชอบรสชาติของดีเกลือก็สามารถจะรับประทานยาชำระเมือกมันแทนได้
ภาพที่ 4 ซ้ายมือ : ยาชำระเมือกมัน (สูตรหมอปาน), ขวามือ : ภาพเมือกมัน Mucus ที่ดักจับสารพิษตามผนังลำไส้ของผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติ
       ยาชำระเมือกมัน ซึ่งจัดทำโดย หมอปาน หรือ คุณจิตรา ปลอดอักษร แพทย์แผนไทย บ.ว.14584 นั้น มีสมุนไพรที่ประกอบไปด้วย เบญจกูล ยาดำ มหาหิงค์ พริกไทย รงทอง โกฏทั้งห้า สมอไทย ดองดึง อุตพิษ บุกรอ เทียนขาว-ดำ สมุนแว้ง และตัวยาอื่นๆ มีสรรพคุณคือ แก้อัมพฤกษ์ อัมพาต ถ่ายน้ำเหลืองเสีย พิษตกค้าง ท้องผูก พรรดึกเป็นเถาดาน ภูมิแพ้ ความดัน เบาหวาน นอนไม่หลับ
ภาพที่ 5 สภาพลำไส้ของคนที่มีประวัติรับประทานเนื้อสัตว์เป็นประจำ
      
ภาพที่ 6 สภาพลำไส้อักเสบและมีภาวะลำไส้รั่วของผู้ที่มีประวัติดื่มนมวัวต่างน้ำ
       การล้างลำไส้ให้สะอาดเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในขั้นตอนการล้างพิษตับ ดังนั้นเราสามารถประยุกต์ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน การใช้ลิดท็อกซ์ในการกวาดออก ใช้ยาชำระเมือกมันให้พลังงานในการขับออก และดีเกลือ จึงเป็นสิ่งที่ลงตัวอย่างยิ่งสำหรับหลักสูตรในโรงเรียนผู้นำของชาวอโศก
      
        แต่สำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสชาติของลิดท็อกซ์และดีเกลือ เรายังสามารถประยุกต์ได้จากสูตรที่ไต้หวันโดยใช้เอนไซม์เพื่อย่อยสลายกากอาหารและสิ่งสกปรกในลำไส้ แล้วใช้ยาชำระเมือกมันเป็นพลังงานในการขับออก ก็สามารถล้างลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
      
        ข้อสำคัญประการหนึ่งในการล้างลำไส้ จะต้องเข้าใจด้วยว่าการขับถ่ายมากๆ โดยเฉพาะการกวาดล้างลำไส้นั้น ไม่ได้นำเฉพาะของเสียออกมาแต่เพียงอย่างเดียว แต่ได้ดึงเอาจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายออกมาด้วย 
ดังนั้นร่างกายในระหว่างที่จะมีจุลินทรีย์เกิดขึ้นใหม่ จำเป็นต้องคำนึงถึงอาหารที่ดีเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ในลำไส้หลังจากจบหลักสูตรล้างพิษแล้วด้วยโดยเฉพาะผักและผลไม้สด ซึ่งในบางกรณีหากมีจำนวนปริมาณจุลินทรีย์ที่น้อยเกินไปอาจเสริมด้วยการรับประทานจุลินทรีย์โปรไบโอติกเพิ่ม บางคนอาจดื่มนมเปรี้ยวเพื่อเพิ่มจำนวนปริมาณแลคโตบาซิลลัสในลำไส้ได้ แต่โปรตีนในนมอาจไม่เหมาะกับลำไส้ของคนเอเชีย ดังนั้นทางเลือกอื่นก็ยังมีคือดื่มน้ำหมักจุลินทรีย์ที่สะอาดและได้มาตรฐาน หรือไม่ก็เป็นประเภทจุลินทรีย์บรรจุลในแคปซูล ก็จะช่วยทำให้หลังล้างพิษตับแล้วกลไกในการทำงานของลำไส้จะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
      
        เมื่อลำไส้สะอาดแล้วก็จะทำให้ปัญหาผลข้างเคียงที่จะเกิดระหว่างและหลังการล้างพิษตับลดน้อยลงอย่างแน่นอน!!!

ที่มา : www.manager.co.th
         ขอขอบคุณรูปภาพ และบทความประกอบจาก www.manager.co.th