วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

ปฏิวัติน้ำมันพืช (ตอนที่ 12): ดื่มน้ำมันมะพร้าวแล้วผอมลง และรักษาโรคเบาหวาน ได้อย่างไร?

Žณ บ้านพระอาทิตย์
       โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
      
       ความจริงสำหรับคนไทยแล้วโรคอ้วนยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ในขณะที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าความจริงคนที่อ้วนส่วนใหญ่นั้นนอกจากจะตัดประเด็นเรื่องไม่ได้ออกกำลังกายแล้ว ส่วนใหญ่นั้นเป็นเพราะกินน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตมาก (รวมถึงแป้ง, ข้าว, เส้นก๋วยเตี๋ยว) มากเกินไปต่างหาก ถ้าไม่เชื่อใครที่อ้วนลองสักเพียงแค่ 1 สัปดาห์แล้วรับประทานอาหารจำพวก ไขมัน โปรตีน และผักให้มาก งดแป้งและน้ำตาลรวมถึงผลไม้หวานๆด้วย แล้วเสริมด้วยการดื่มน้ำมันมะพร้าวทุกวันตอนเช้า รับรองว่าเห็นผลผอมลงอย่างแน่นอน
      
        นพ.ดร.วิศาล เยาวพงศ์ศิริ 
ได้เคยเขียนหนังสือเรื่อง "พิชิตโรคอ้วนและเบาหวาน" ได้ศึกษาทั้งในทางการแพทย์และทางชีวเคมีอย่างละเอียด ระบุว่า น้ำตาลเป็นตัวกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากเซลล์ตับอ่อน ดังนั้นหากเรากินอาหารไร้แป้งและน้ำตาล ก็จะไม่มีการหลังอินซูลิน ร่างกายก็ย่อมไม่สามารถจะสะสามไขมันเพิ่มเติม ทั้งมีการเชื่อมโยงว่าสาเหตุการเกิดโรคอ้วน เบาหวานและไขมันในหลอดเลือดสูง เป็นผลจากการกินอาหารแป้งและน้ำตาลมากเกินไป ต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ดร. จีเอ็ม รีเวน (Dr. GM Reaven) ได้เสนอชื่อกลุ่มอาการนี้ว่า Syndrome X
      
        ผลงานของ นพ.ดร.วิศาล เยาวพงศ์ศิรินั้น เคยรักษาคนที่อ้วนที่สุดในประเทศไทยมาแล้วชื่อนายโกวิท เสริมทรัพย์ (แป้ง) จากน้ำหนัก 352 กิโลกรัมสามารถลดลงไปได้ถึง 200 กิโลกรัม ภายในเวลา 1 ปี 4 เดือน รอบอกเดิมจาก 64 นิ้ว ลดเหลือ 41 นิ้ว เอวจาก 73 นิ้วเหลือ 40 นิ้ว สะโพกจาก 82 นิ้ว เหลือ 48 นิ้ว และต้นขาจาก 42 นิ้ว เหลือ 27 นิ้ว
ปฏิวัติน้ำมันพืช (ตอนที่ 12): ดื่มน้ำมันมะพร้าวแล้วผอมลง และรักษาโรคเบาหวาน ได้อย่างไร?
ภาพ : นายโกวิท เสริมทรัพย์ (แป้ง) ที่ลดน้ำหนักไป 200 กิโลกรัมภายใน 1 ปี 4 เดือน ด้วยการปรับสูตรอาหารใหม่ (ภาพจากหนังสือ "พิชิตโรคอ้วนและเบาหวาน" โดย นพ.ดร.วิศาล เยาวพงศ์ศิริ)
       สูตรอาหารที่ นพ.ดร.วิศาล เยาวพงศ์ศิริ รักษาคนที่อ้วนและเบาหวานนั้นก็คือการลดแป้งและน้ำตาล โดยกินอาหารวันละ 2 มื้อ โดยมื้อเช้าไม่กินอะไรเลย กินเฉพาะมื้อกลางวันและเย็น งดอาหารพวกขนมจุกจิก น้ำหวานทุกประเภท น้ำอัดลม พยายามให้กินผักมากๆ รับประทานอาหารจำพวกโปรตีนให้เพียงพอ และอาหารที่เป็นของทอดก็กินบ้าง ซึ่งผลการรักษาก็เป็นที่น่าพอใจ
      
        เช่นเดียวกับ น.ส.จิงจู แซ่ฉั่ว เคยชนะการประกวดธิดาปุ้มปุ้ย ซึ่งเดิมมีน้ำหนัก 191 กิโลกรัม ใช้วิธีการรักษาด้วยสูตรอาหารแบบเดียวกันเป็นเวลา 1 ปี น้ำหนักลดลงเหลือเพียง 75 กิโลกรัม
      
        เช่นเดียวกันกับโรคเบาหวาน นพ.ดร.วิศาล เยาวพงศ์ศิริ วีธีให้ผู้ป่วยจำกัดแป้งและน้ำตาล (Restricted Carbohydrate Diet) ให้กินผัก โปรตีน ไขมัน และใยพืชให้มากพอจนอิ่ม และจำเป็นต้องให้ผู้ป่วยลดหรืองดยาเบาหวานเพื่อป้องกันเกิดภาวะน้ำตาลต่ำ (Hypoglycemia) และให้เจาะหาค่าน้ำตาล (DTX) ทั้งก่อนและหลังอาหารเช้า เพื่อเรียนรู้ว่าอาหารใดมีผลต่อค่าน้ำตาลในเลือดน้อยหรือมาก อาหารใดบริโภคได้ และอาหารใดควรหลีกเลี่ยง พบว่าสูตรอาหารนี้ลดระดับน้ำตาลเลือดได้เร็วมาก ทั้งช่วยลดน้ำหนักและไขมันพุงได้ในเร็ววัน
      
        เมื่อรู้ว่าการลดแป้งและหวานจะช่วยทำให้น้ำหนักลดลงแล้ว คราวนี้เราจะมาพิจารณาเสริมด้วยการดื่มน้ำมันมะพร้าวว่าจะช่วยทั้งโรคอ้วนและเบาหวานต่อได้อย่างไร?
      
        คำตอบนี้ค้นหาได้จาก ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา นักเกษตรอาวุโสขององค์การอาหารและเกษตรแห่งองค์การสหประชาชาติ ได้อธิบายอยู่ในหนังสือหลายเล่มว่า น้ำมันมะพร้าว จะช่วยกระตุ้นอัตราการเผาผลาญให้สูงขึ้น หรือที่เรียกว่ากระตุ้นเมแทบอลิซึม (Metabolism) ให้สูงขึ้น เพราะน้ำมันมะพร้าวมีองค์ประกอบของไตรกลีเซอไรด์สายโซ่ปานกลาง (Medium Chain Triglyceride)มากกว่าน้ำมันชนิดอื่น จึงมีขนาดเล็กกว่าโมเลกุลของน้ำมันชนิดอื่นๆ ซึ่งน้ำมันชนิดอื่นส่วนใหญ่เป็นไตรกลีเซอไรด์สายโซ่ปานยาว (น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันหมู น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน ฯลฯ) ดังนั้นน้ำมันมะพร้าวจึงถูกย่อยได้รวดเร็วมากส่งไปยังตับและกลายเป็นพลังงานโดยทันที โดยไม่สะสมเป็นอาหารสำรองในรูปของไขมันเหมือนน้ำมันชนิดอื่นๆ
      
        จากการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2530 เมื่อ Crozier G. และคณะ ได้ศึกษาเรื่อง Metabolic effects induced by long-term feeding of medium-chain triglycetides in the rat. คือการทดสอบดูอัตราการเผาผลาญโดยการให้อาหารเป็นไตรกลีเซอไรด์สายยาวเปรียบเทียบกับสายปานกลาง พบว่าหนูที่กินไตรกลีเซอไรด์สายปานกลาง (ซึ่งมีมากในน้ำมันมะพร้าว) จะสะสมไขมันน้อยกว่าหนูที่กินไตรกลีเซอไรด์สายปานกลางถึง 60%
      
        จากการศึกษาในปี พ.ศ. 2539 โดย Dullo และคณะในหัวข้อ Twenty-four-hour energy expenditure and urinary catecholamines of humans consuming low-to-moderates amounts of medium-chain triglycerides: a dose-response study in a human respiratory chamber ตีพิมพ์ใน Eur.J.Clin. Nutr. 50:152-158 ได้ค้นพบว่า ไตรกลีเซอไรด์สายปานกลาง จะไปกระตุ้นกระบวนการเมแทบอลิซึมหรือการเผาผลาญให้สูงขึ้น จึงไปช่วยเพิ่มการใช้แคลอรีของร่างกาย และการกระตุ้นด้วยไตรกลีเซอไรด์สายปานกลางนั้นจะมีอัตราการเผาผลาญแคลอรีต่อเนื่องกันเป็นเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง
      
        การบริโภคน้ำมันมะพร้าวนั้นจะทำให้อัตราการเผาผลาญสูงขึ้น จึงทำให้ร่างกายตัวอุ่นขึ้น (Thermogenesis) โดยอุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น ดังนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ หรือไทยรอยด์ฮอรโมนต่ำแฝง จะมีอาการดีขึ้น
      
        นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวเมื่อให้พลังงานสูงขึ้นมีอัตราการเผาผลาญสูงขึ้น จะทำให้เราเกิดความหิวน้อยลง กินอาหารได้น้อยลง และรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ทำให้เกิดความโหยในแป้งและน้ำตาลน้อยลงด้วย
      
        และเนื่องจากกรดไขมันสายปานกลางในน้ำมันมะพร้าวมีขนาดโมเลกุลที่เล็ก จึงเข้าไปในเซลล์ได้โดยไม่ต้องพึ่งอินซูลินให้เป็นตัวพาเข้าไป ดังนั้นเซลล์ในร่างกายจึงได้รับอาหารโดยไม่ต้องอาศัยอินซูลิน
 ดังนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานไม่ว่าจะเป็นเหตุผลมาจากที่ตับอ่อนสร้างอินซูลินไม่เพียงพอ หรือเซลล์ไม่ตอบสนองต่ออินซูลินก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะกรดไขมันสายปานกลางในน้ำมันมะพร้าวจะสามารถผ่านเยื่อเซลล์เข้าไปได้ และยังสามารถเข้าไปยังไมโตคอนเดรีย (Mitochondria) ได้โดยตรง
      
        โดยเฉพาะจากการศึกษา ในปีพ.ศ. 2535 โดย Garfinkel และคณะได้ศึกษาในหัวข้อ "Insulino-tropic Potency of Lauric acid: A Metabolic rational for medium chain fatty acids (MCF) in TPN formulation. ตีพิมพ์ใน J.Surg.Res. 52:328-3 พบว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดได้ เพราะมันช่วนให้มีการสร้างอินซูลิน และตอบสนองของเซลล์ต่ออินซูลินได้มากขึ้น
       
        สรุปว่าลดอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต แป้ง น้ำตาล ของหวาน และดื่มน้ำมันมะพร้าวเพิ่มขึ้น จะช่วยทำให้คนที่อ้วนผอมลง และเบาหวานลดลงได้!!!

ขอขอบคุณข้อมุลแลภาพจาก www.manager.com